เมื่อ Covid-19 ระบาดและฉันต้อง Work From Home

จุดเริ่มต้นของเรื่องนี้ เกิดขึ้นช่วงเดือน พ.ย. ปี 2562 (2019) ณ เมืองเล็กๆ เมืองหนึ่งในประเทศจีน ชื่อว่า "อู่ฮั่น" มีโรคระบาดระบาดชนิดหนึ่ง ปรากฎขึ้นและแพร่กระจายไปอย่างรวดเร็ว โดยที่รัฐมนตรีกระทรวงสาธารสุขของจีน ก็ทราบเรื่องราวดังกล่าวแต่ก็ยังไม่ได้ออกมาประกาศให้โลกรับรู้

แต่แล้ว โรคระบาดนี้กระจายตัวอย่างรวดเร็ว แต่มันก็สายเกินไปแล้ว ที่จะหยุดยั้งเชื้อนี้ได้ ผลงานวิจัยจากห้องแล็บของจีน ระบุว่า เชื้อโรคนี้ เป็นเชื้อไวรัสกลายพันธุ์ มีการพัฒนาตัวเองให้แข็งแกร่งขึ้น โดยพบว่าไวรัสนี้อยู่ในยีนัส Betacoronavirus ซึ่งเป็นยีนัสเดียวกับ SARS-CoV และ MERS-CoV ซึ่งเมื่อนำไปเปรียบเทียบกับสารพันธุกรรมของไวรัสโคโรนาจากคนและสัตว์ต่างๆ จำนวน 271 สายพันธุ์ พบว่าเชื้อ 2019-nCoV เป็นไวรัสที่เกิดจากการผสมสารพันธุกรรมระหว่างไวรัสโคโรน่าของค้างคาวกับไวรัสโคโรน่าของงูเห่า (Chinese cobra, Naja Atra) จึงทำให้ไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ 2019 นี้แพร่เชื้อข้ามสปีชีส์จากงูเห่ามายังคนได้ [1]

ข่าวการแพร่ระบาดของโรคนี้ กระจายตัวอย่างรวดเร็ว จนอู่ฮั่นต้องกลายเป็นเมืองร้าง [2] เพราะผู้คนต้องรักษาชีวิตตัวเองไว้ในบ้าน เพื่อลดการแพร่ระบาด หรือใช้วิธีการเว้นระยะห่างทางสังคม (Social Distancing) [3] ในการดำรงชีวิต สินค้าอุปโภคบริโภคเริ่มหายาก จนคนไทยที่อยู่อู่ฮั่นต้องทำเรื่องร้องเรียนต่อสถานทูตไทย เพื่อขอให้นำเครื่องบินไปรับตัวกลับมายังบ้านเกิด ซึ่งก็เป็นเรื่องยากในกับเหตุการณ์ในขณะนั้น ที่จะมีการเดินทางไปมาระหว่างการปิดเมืองอู่ฮั่น

จากเรื่องไกลตัว ก็เริ่มใกล้ตัวมากขึ้น ประเทศไทยพบผู้ตืดเชื้อรายแรก ช่วงเดือนมกราคม,2020 [4] และเริ่มมีการแพร่ระบาดในไทยอย่างต่อเนื่อง ผู้คนแตกตื่นตกใจ หน้ากากอนามัยมีราคาสูงถึงกล่องละ 8-9 ร้อยบาท แอลกอฮอล์ล้างแผล น้ำยาฆ่าเชื้อขาดตลาด ผู้คนกักตุนสินค้า จนชั้นวางบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปกลายเป็นชั้นร้าง ผู้คนต่อแถวยาวเหยียดเพื่อรอซื้อหน้ากากอนามัยและกักตุนสินค้าอุปโภค บริโภค

แต่ละคนใช้ชีวิตด้วยความหวาดระแวง ว่าฉันป่วยหรือยัง ติดรึเปล่า หรือฉันจะเป็นพาหะแพร่เชื้อให้ใครหรือไม่ การใช้ชีวิตประจำเริ่มลำบากมากขึ้น จำนวนผู้ติดเชื้อก็เริ่มมากขึ้นตามลำดับ
กระทั่งรัฐบาลได้ออกมาตรการให้คนทำงานที่บ้านเพื่อลดปริมาณการแพร่ระบาดของโรคให้ได้ไวที่สุด

การทำงานที่บ้าน หรือ Work From Home เริ่มต้นเมื่อ วันที่ 21 มีนาคม 2020 ณ ขณะนั้น มีหลากหลายอารมณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งก็ทำให้เราได้เห็นทั้งข้อดีและข้อเสียของการทำงานแบบนี้

ข้อดี

  • ทำให้เรามองเห็น สิ่งของจำเป็นและไม่จำเป็นในชีวิตได้ชัดเจนมากขึ้น
  • ไม่เหนื่อยและไม่เสียเวลาไปกับการเดินทางไปทำงาน 
  • มีเงินเก็บมากขึ้น เพราะลดค่าน้ำมันและของฟุ่มเฟือย, งดสังสรรค์และการท่องเที่ยว
  • สุขภาพดีขึ้น เพราะมีเวลาออกกำลังกายและทำอาหารกินเอง
  • สภาพแวดล้อมในการทำงานดี มีสมาธิ ทำงานเสร็จไว
  • ได้เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ เช่น การเรียนภาษา, เย็บผ้า, ทำอาหาร, ปลูกต้นไม้
  • มีเวลาที่ได้นั่งทบทวนความคิดและพูดคุยกับตัวเอง
  • ต้องมีวินัยในการใช้ชีวิต รู้ว่าเวลาไหนควรทำอะไร ไม่อย่างนั้น ถ้าหากวันไหนอยากเล่นเกมส์ ทุกอย่างก็จะเลยเถิด
ข้อเสีย
  • ใช้ไฟบ้านมากขึ้น เปิดแอร์ทั้งวัน
  • ไม่สดชื่น ขาดความคิดสร้างสรรค์ ทักษะในการสื่อสารลดลง
  • จิตใจฟุ้งซ่าน
การ Work From Home เดินทางมาจนถึง 31 พฤษภาคม 2563 เมื่อสถานการณ์จำนวนผู้ติดเชื้อลดลง รัฐบาลก็เริ่มผ่อนคลายการเว้นระยะห่างทางสังคม และทำให้เราได้กลับมาทำงานแบบอาทิตย์เว้นอาทิตย์ตั้งแต่ 1 มิถุนายน 2563 จนถึง 31 กรกฏาคม 2563 และหวังว่าทุกอย่างจะกลับสู่ปกติในเร็ววัน


บันทึกเมื่อ
7 กรกฏาคม 2563


ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

พระพิฆเนศปางประทานพร องค์ใหญ่ที่สุดในภาคกลาง จ.นครสวรรค์

ฟาร์มแกะทหารช่าง ณ ค่ายจิรประวัติ จ.นครสวรรค์